ร่างกายของมนุษย์มีจุดสำคัญ 7 จุด เมื่อจุดเหล่านี้ถูกเปิดจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างเต็มที่
จักระทั้ง 7 ประกอบด้วย
จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ) มีชื่อว่า มูละธารณะ อยู่
ระหว่างอวัยวะเพศและทวารหนัก เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน
เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต
และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ
จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ) ชื่อว่า สวาธิษฐานะ อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ,ท่อปัสสาวะ,อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค
จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ) มีชื่อว่า มณีปุระ อยู่
ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ..ณ
จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต
จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ) ชื่อว่า อะนาหตะ
อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง
รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ
ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว
จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ) ชื่อว่า วิศทะ ความ
รัก ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลของสติปัญญา
อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง ควบคุมระบบทางเดินหายใจ
และผิวหนัง ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง
จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ) ชื่อว่า อะชะ อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ห้ามผู้สำเร็จระดับ1, 2,3,4 และ 5 ใช้จักระนี้ในการรักษาโรคอย่างเด็ดขาด ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิเท่านั้น(ถ้ารักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด)
จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ) ชื่อว่า สหสราระ
อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก
ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
ควบคุมระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ
เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย
เป็นจุดที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง
จักร ทั้ง 7 นี้ ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมองเรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว
เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้นเมื่อฝึกในระดับที่สูงขึ้น
จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง
และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้
จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์
และกายทิพย์นี้จะเป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว
บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้ค่ะ
จากหลัก การสั่นไหว มากับพลังจักรวาล มาอีกหลักหนึ่งคือ การหมุน
หรือการเคลื่อนไหวเป็นทรงกลม ดูดพลังจักรวาล เข้ามาเพื่อเป็นกลไกการทำงาน
คนโบราณได้ค้นพบว่า รูปทรงต่าง ๆ
บางรูปเปล่งหรือปล่อยพลังจักรวาลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และแรงกว่าธรรมดา
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังจักรวาลเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก
และเป็นทรงกลมที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่ออนุภาคมาเกาะตัวกันมันก็หมุน
โดยเคลื่อนไหวของอนุภาคเหล่านี้ก็จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน
และนำไปสู่รูปทรงที่ต่างกันย่อมก่อให้เกิดคลื่นของจักรวาลที่ต่างกันออกไป
ปราณ เป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งในจักรวาล ดังนั้นย่อมสามารถนำมันมาใช้เพื่อการพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณของคนได้แน่นอนค่ะ
การหมุน การ
หมุน จะถ่ายเทพลังงานตามหลักการสั่นไหวร่วมกัน เห็นได้ชัด
ตามตัวอย่างทั่วไป ก็คือ พายุไต้ฝุ่น ซึ่งหมุนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา
และเวลาผ่านไปมันจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การหมุนนี้
ก็คล้ายกับวิชาอื่น ก็คือ ไทเก็ก และฝ่ามือมังกรแปดทิศ ก็มีการเคลื่อนไหว
เป็นวงกลม และถ้ายิ่งฝึกวิชามังกรแปดทิศ พลัง
รวมถึงดูดซับพลังจักรวาลด้วยแล้ว พลังก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น