บริเวณฝ่าเท้าของคนเรา มีเส้นลมปรานใหญ่ๆอยู่6เส้น เชื่อมต่อกับอวัยวะต่างๆ สามารถฝังเข็มกระตุ้นที่ฝ่าเท้าเพื่อรักษาความผิดปกติของอวัยวะต่างๆได้ ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยของแพทย์ในยุคต่อๆมาที่พบว่า ความผิดปกติของอวัยวะที่เกิดขึ้น จะสามารถแสดงออกให้เห็นเป็นความผิดปกติบนส่วนใดส่วนหนึ่งของฝ่าเท้า และการกระตุ้นตำแหน่งต่างๆที่ฝ่าเท้า สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของอวัยวะต่างๆได้
เท้่า มีความสำคัญอย่างไร
รับน้ำหนักร่างกาย ทำหน้าที่ในการพยุงกระดูกเชิงกราน และกระดูกสันหลัง เท่ากับโอบอุ้มระบบโครงสร้างต่างๆของร่างกายไว้ทั้งหมด ร่างกายจะมีการทรงตัวที่ถูกต้องได้ ก็ขึ้นอยู่กับกระดูกทั้ง 28ชิ้นนี้ ถ้าเกิดความผิดปกติขึ้น ก็จะทำให้ความโค้งของเท้าเปลี่ยนไป อวัยวะอื่นๆก็จะผิดปกติไปด้วย ทำให้เกิดอาการต่างๆขึ้น เช่น อาการปวด ชา การไหลเวียนของเลือดไม่ดี เส้นเลือดและน้ำเหลืองเกิดอาการคั่ง กระดูกเชิงกรานผิดรูปร่าง กระดูกสันหลังและเส้นประสาทอักเสบ หมอนรองกระดูกถูกทำลาย ปวดศรีษะ ฯลฯ
รับการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับความสมดุลของแรงดึงกล้ามเนื้อและเอ็น หากแรงดึงนี้ลดลง กระดูกทั้ง28ชิ้นที่เท้าก็จะไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องได้ ความโค้งของเท้าจะเปลี่ยนแปลงไป เช่นปลายเท้าบิดออก(Splayfoot) หรือความโค้งของเท้าแบนลง(Flatfoot) หรือส้นเท้าเปลี่ยนรูปร่าง(Clubfoot)เป็นต้น
ทำหน้าที่สะท้อน กระดูกทั้ง28ชิ้นถูกห่อหุ้มด้วย กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และผิวหนัง การสะท้อนจึงเปรียบคล้ายคลื่นรีโมท ที่ให้กระแสพลังงานจากเท้าไปสู่อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย
ศาสตร์แห่งการกดจุดสะท้อนเท้า
หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า "กดจุดสะท้อนเท้า" อยู่บ้าง ซึ่งคำๆ นี้ ฟัง
ดูเผินๆ แล้วอาจจะนึกว่าเป็นการนวดเท้าธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่า การนวดเท้าที่
เคยเป็นศาสตร์รวมอยู่ในการนวดแผนไทยนี่แหละ ได้มีพัฒนาการไปสู่
ศาสตร์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าและสามารถรักษาโรคร้ายทั้งหลายทั้งปวงได้อย่าง
เหลือเชื่อ
ศาสตร์การกดจุดสะท้อนเท้านี้ถูกนำมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักทั่วเมืองไทย
โดยท่านอาจารย์ สมบูรณ์ รุ่งโรจน์สกุลพร ประธานมูลนิธิพัฒนาศาสตร์การ
นวดกดจุดสะท้อนเท้า (ประเทศไทย) ผู้ซึ่งพลิกผันชีวิตจากนักธุรกิจมาเป็น
ปรมาจารย์ทางด้านการนวดกดจุดเท้าเพื่อรักษาโรค
"10 ปีที่แล้ว ผมป่วยสารพัดโรค กระเพาะ ไมเกรน ไต ความดันโลหิต
เครียด ฯลฯ ตอนนั้นคนจีนในมาเลเซียมากดจุดเท้าให้ ผมก็สงสัยว่า เขารู้ได้
อย่างไรว่า ผมเป็นโรคอะไรตั้งหลายอย่าง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตรวจโรค บางทีรู้
มากกว่าตรวจในโรงพยาบาล"
อาจารย์บอกว่าการแค่นำฝ่าเท้าทั้งสองประกอบเข้าด้วยกัน จะปรากฏโครง
สร้างที่สมบูรณ์ของร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นเสมือนกระจกสะท้อนอวัยวะภาย
ในร่างกาย ถ้าร่างกายบกพร่องแค่ 5-10% เท้าก็สามารถบ่งบอกโรคได้
ไม่ต้องดูอื่นไกล พวกเท้าแห้ง เท้าตาปลา ก็ส่อถึงระบบภายในบางส่วน
บกพร่องเสียสมดุล
การกดจุดฝ่าเท้า ต่างกับการนวดเท้าอย่างไร ?
การกดจุดสะท้อนเท้า แตกต่างจากการนวดฝ่าเท้าทั่วไปที่ใช้ไม้กดหรือแค่
ใช้มือนวดธรรมดาที่ช่วยให้ผ่อนคลายและกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียน หากแต่
การนวดกดจุดสะท้อนเท้านี้จะต้องกดลึกกว่า ต้องมีความแม่นยำในเรื่อง
ตำแหน่งจุดสะท้อน และทำไปในทิศทางที่ถูกต้อง มิฉะนั้นกล้ามเนื้อหรือ
อวัยวะภายในที่ส่งผลสะท้อนจะเกิดปัญหาได้ อีกทั้งยังต้องเลือกใช้การกด
ทางใดทางหนึ่ง เช่นกดจากซ้ายมือมาขวามือ หรือกดจากขวามือมาซ้ายมือ
เมื่อกดฝ่าเท้าตรงไหนรู้สึกว่าเจ็บมากแสดงว่าอวัยวะนั้นมีข้อบกพร่องคือทำ
งานไม่ปกติแสดงว่าอวัยวะส่วนนั้นไม่แข็งแรง การกดจุดฝ่าเท้า อุปกรณ์หลัก
ที่ใช้กดก็คือ นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้
การนวดกดจุดสะท้อนเท้ามีจุดสำคัญ 62 จุดบนฝ่าเท้า ซึ่งเป็นจุดปลาย
ประสาทของอวัยวะภายในร่างกาย แต่ละจุดจะมีระบบการรับรู้ทั้งหมด 7
ระบบ
1. ระบบขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ :
ถ้ามีปัญหาปัสสาวะบ่อย เป็นนิ่วในกระเพาะ ท้องผูก สามารถใช้การนวดกดจุด สร้างสมดุลรักษาโรคได้
2. ระบบสมอง :
นอนไม่หลับ ไมเกรน มึนศีรษะ เครียด อัลไซเมอร์ เส้นโลหิตในสมองตีบ
3. ระบบฮอร์โมน :
ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีลูกยาก มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศ
4. ระบบประสาทสัมผัสตา จมูก และหู
5. ระบบไขสันหลังตั้งแต่กระดูกคอ เอว ก้นกบ ตะโพก ขา
6. ระบบภูมิต้านทาน
7. ต่อมน้ำเหลือง
อาจารย์ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "การนวดตามจุดระบบต่างๆ จะช่วยให้อาการ
ดีขึ้น มีหลายคู่ไม่มีลูก แล้วมากดจุดกระตุ้นระบบฮอร์โมน การนวดกดจุด
สะท้อนเท้าจะใช้นิ้วข้อ นิ้วชี้ นิ้วโป้ง ไม่มีการใช้อุปกรณ์อื่นๆ อย่างน้อยต้อง
นวดประมาณ 3 ครั้งติดกัน ก่อนนวดจะแช่น้ำอุ่นให้เลือดไหลเวียน บางคนมี
อาการบกพร่องมากกว่า 10 จุด"
...จะว่าไปแล้วคนเรามักจะละเลยและไม่ใส่ใจดูแลรักษา "เท้า" ให้เทียบ
เทียมกับการเอาใจใส่อวัยวะสำคัญอื่นๆ เช่น ตับ ปอด ม้าม หัวใจหรือว่าลำ
ไส้ใหญ่ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น "เท้า" ก็เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญไม่น้อย
ไปกว่าอวัยวะเหล่านั้นเลย เพราะมันสามารถสะท้อนหรือบ่งบอก “สุขภาพ”
ของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว...
"เท้า" สัมพันธ์กับอวัยวะในร่างกายอย่างไร ?
"เท้า" 2 ข้างนั้นมีความสัมพันธ์กับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายที่แตกต่างกันออก
ไป โดยสามารถแบ่งออกเป็น 5 จุด (5 เท้า) ด้วยกัน คือ
1. ฝ่าเท้าข้างซ้าย: บ่งบอกสุขภาพของอวัยวะซีกซ้ายที่ประกอบด้วยหัวใจ
ม้าม ไต ฯลฯ
2. ฝ่าเท้าข้างขวา: บ่งบอกสุขภาพของอวัยวะซีกขวาที่ประกอบด้วยตับ ถุง
น้ำดี ไส้ติ่ง ฯลฯ
3. หลังเท้า: บ่งบอกสุขภาพของต่อมทอนซิล ขากรรไกร ต่อมน้ำเหลืองที่
ปอด ทรวงอก กระบังลมทั้งสองข้าม
4. เท้าด้านใน: บ่งบอกถึงสุขภาพจมูก กระดูกคอ กระดูกหลัง กระดูกเอว
ก้นกบ ช่องคลอด อวัยวะเพศ มดลูกและลูกอัณฑะทั้งสองข้าง
5. เท้าด้านนอก: บ่งบอกสุขภาพของไหล่ ข้อศอก หัวเข่า สะบัก รังไข่
ทั้ง 5 เท้านี้จะประกอบรวมกันเป็นมนุษย์ ซึ่งนับรวมแล้วมีจุดต่างๆ ที่ปรากฏ
บน 5 เท้าทั้งสิ้น 62 จุดด้วยกัน เป็นจุดที่เป็นปลายประสาทของอวัยวะใน
ร่างกาย 62 จุด หรือที่เรียกกันว่า “จุดสะท้อน”
ทั้งนี้ อาจารย์สมบูรณ์ ได้ยกตัวอย่างเพื่อขยายความคำว่า "สะท้อน" ให้เห็น
ภาพง่ายๆ เช่น เวลาที่เราใส่รองเท้าผ้าใบหรือคัตชูนานๆ จะรู้สึกอึดอัด
นั่นแสดงว่ามันกดสะท้อนถูกตำแหน่งนิ้วโป้ง ซึ่งนิ้วโป้ง หรือนิ้วหัวแม่เท้านั้น
เป็นตำแหน่งของจมูกพอดี จึงทำให้เรารู้สึกอึดอัด หรือเวลาที่เราใส่รองเท้า
ปลายแหลมๆ และรัดแน่นๆ ก็จะรู้สึกว่าไหล่จะบีบ และเกิดอาการเมื่อยขึ้นที่
บริเวณไหล่ นั่นก็เพราะถูกบีบตรงนิ้วก้อย ซึ่งเป็นตำแหน่งของไหล่ จุดเหล่า
นั้น เรียกกันว่า "จุดสะท้อน"
การนวดเท้า 3 ระดับ
- ระดับแรกหรือระดับพื้นฐาน คือการนวดเพื่อสุขภาพ
- ระดับที่สอง คือการนวดเพื่อปรับความสมดุล
- ระดับที่สาม คือการนวดด้วยพลังชี่
ประโยชน์จากการนวดเท้า
การจุดสะท้อนเท้าส่งผลต่อร่างกายในหลายระดับด้วยกัน ที่เห็นชัดๆ คือ
1. ช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติและสร้างภูมิต้านทานโรค
2. ช่วยในเรื่องของการขับของเสียออกจากร่างกาย ดังนั้น ก่อนนวดต้องให้
ดื่มน้ำ 1 แก้ว และหลังนวดอีก 1 แก้ว
3. มีผลต่อการกระตุ้นอวัยวะทุกส่วนในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เสริมสร้าง
กระดูกและกล้ามเนื้อให้เป็นปกติ ปรับการทำงานของระบบประสาท
4. ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงดูอ่อนกว่าวัย ทำให้เลือดลมเดินเป็นปกติ
ป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาต ยิ่งคนที่นวดเท้าเป็นประจำยิ่งไม่ต้องห่วงเรื่อง
อัมพฤกษ์ อัมพาต เพราะจะมีการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนตลอด แถมยัง
ช่วยปรับฮอร์โมนของร่างกายให้เป็นปกติอีกด้วย
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2548
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น