วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

พลังจิตบำบัดโรค

การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ  ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้แต่ยาจากแพทย์เสมอไป ธรรมโอสถ หรือ ยาธรรมะ ก็ใช้รักษาโรคได้เช่นเดียวกัน
            เรา ทราบกันแล้วว่า ชีวิตของเราแต่ละคนประกอบไปด้วยใจ ที่ทำหน้าที่สั่ง คือกาย ที่กายไปไหนมาไหนได้ ก็เพราะมีใจเป็นตัวกำกับ เป็นตัวทำให้เราคิดนึก ตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบ  ถ้าไม่มีใจเสียอย่าง กายของเราก็เหมือนท่อนฟืน จะเอาไปทำอะไร กายก็ไม่รู้สึก ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่สุข ไม่ทุกข์ ที่เรามีปฏิกิริยาสนองต่อสิ่งต่างๆ ที่มากระทบได้ ก็เพราะเรามีส่วนที่เรียกว่า ใจ ที่เป็นธาตุรู้ พลังรู้
ใจ ที่เป็นพลังรู้นี้ มีความสัมพันธ์กับพลังทั้งหลายในจักรวาลได้ บางท่านเชื่อว่า เราต้องดูดาวต้องเชื่อโหราศาสตร์ เชื่อฮวงจุ้ย เชื่อฤกษ์ เป็นต้น แต่ก็มีผู้ติงว่า ชาวพุทธนั้น พระพุทธองค์ทรงสอนให้เชื่อในการกระทำที่มีผลสนองตามเจตนาแห่งการกระทำ ดังคำตรัสที่ว่า ของทุกอย่างมาแต่เหตุ แต่ท่านก็มิได้ปฏิเสธสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ว่าจะไม่มีความหมายเสียเลย  ท่านเพียงแต่ให้เราเข้าใจว่า ถึงแม้สิ่งทั้งหลายจะมีแรงสัมพันธ์กับใจของเราได้
พระ พุทธองค์ทรงรับเรื่องโหราศาสตร์ เรื่องอิทธิพลต่างๆเหล่านี้ แต่เราจะต้องไม่ปล่อยใจของเราให้ตกอยู่ในอิทธิพล ท่านทรงสอนให้เราเฝ้าดู จนรู้ชัดว่า ถึงจะมีเหตุ มีปัญหา เราก็สามารถป้องกัน แก้ไข เปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการเพียรพยายามตั้งสติ ระลึกรู้สึกทั่วพร้อมอยู่ ไม่ประมาท
ไม่ว่าสิ่งที่บังเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา จะเป็นแง่ดี  หรือร้าย จะเป็นอุปสรรคก็ตาม เราอย่าท้อถอยหรือเสียกำลังใจ  ของทุกอย่างย่อมมาแต่เหตุ ถ้าเรารู้ว่าเหตุเก่าของเราไม่ดี ไม่ว่าจะทำอะไร ก็เหมือนธรรมชาติสภาพแวดล้อมเข้ามาบั่นรอน เราก็เร่งประกอบเหตุใหม่ เหตุปัจจุบัน แต่ละขณะลงไปให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยสติสัมปชัญญะ ปัญญา ด้วยความพากเพียร เราก็สามารถปรับเปลี่ยนอุปสรรคและปัญหา ให้กลายมาเป็นความสำเร็จได้ เพราะไม่มีพลังใดในจักรวาล จะสามารถต้านทานพลังใจของมนุษย์ ที่มุ่งมั่นเอาจริงเอาจังได้ ดังคำที่ว่า..ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
 พลังจิตบำบัด 
            จิตใจดีมีผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ส่วนความเครียด ความวิตกกังวลและความสับสนทางอารมณ์ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อร่างกายหลากหลายรูปแบบ  ดังนั้นการทำจิตให้สงบเย็น  ไม่แกว่งไกว  ส่ายทอดไปหาสิ่งมัวหมองทั้งหลาย ย่อมเป็นรากฐานสำคัญของคนมีสุขภาพดี พลังจิตบำบัด” จึงเป็นการแนะนำวิธีปล่อยวางความทุกข์ทั้งหลาย  
 ในพระพุทธศาสนา การวินิจฉัยและการบำบัดรักษาถูกบรรจุอยู่ในธรรมมะสูงสุด 4 ประการ นั่นคือ ความจริงที่ว่า มนุษย์ทุกคนล้วนมีทุกข์  มีเหตุแห่งทุกข์(สมุทัย) มีการดับทุกข์ (นิโรธ)  และวิถีทางพ้นทุกข์(มรรค)  ซึ่งการปฏิบัติตามวิถีทางดังกล่าวคือทางเลือกหนึ่งที่เราสามารถกระทำได้  แม้ขณะที่กำลังต่อสู้อยู่กับอุปสรรคในชีวิตประจำวัน เราก็สามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้  จิตใจของมนุษย์ คือ กุญแจสำคัญ และด้วยการฝึกฝน ชักนำจิตใจอย่างเหมาะสม  เราสามารถสัมผัสประสบการณ์พลังอำนาจแห่งการบำบัดรักษาได้
            สำหรับ การฝึกพลังจิตบำบัด ควรเลือกสถานที่ๆ เงียบสงบและกว้างขวางเพียงพอ ส่วนเวลาในการฝึกหัดนั้นสามารถใช้เวลาใดก็ได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาในตอนเช้าตรู่ และสิ่งที่จำเป็นที่สุดของท่าทางต่างๆ ในการทำสมาธิ คือ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเปิดช่องทางในร่างกาย เพื่อว่าพลังงานและลมหายใจสามารถไหลหลั่งได้อย่างสะดวกตามธรรมชาติ  เราควรผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อขณะทำสมาธิและทำจิตใจให้ว่างและตั้งมั่นในสมาธิ
            การกำหนดลมหายใจที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การหายใจอย่างสงบเป็นธรรมชาติ มีสติรู้ความเคลื่อนไหวของลมทั้งเข้าและออก  ส่วนเครื่องมือในการบำบัดรักษาที่ดีที่สุด คือ การสร้างจินตนาการ ซึ่งสามารถแปลงเปลี่ยนรูปแบบจิตใจในทางทำลายให้เป็นสร้างสรรค์
            จิต ใจของเราประกอบด้วยพลังบำบัดความเจ็บปวดและสร้างความสุข ถ้าเราใช้พลังงานดังกล่าวให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิต ใช้ด้วยท่าทีแห่งจิตใจในการสร้างสรรค์และเป็นสมาธิ ไม่เพียงแต่จะสามารถบำบัดความทุกข์ทางจิตใจและอารมณ์ได้ แต่ยังสามารถบำบัดปัญหาทางด้านร่างกายได้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น